“ฉันจะไปไหว้พระเก้าวัด” ประโยคขายฝันแต่วันนี้ฉันทำได้แล้ว
ช่วงเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้วทุกที กิจกรรมหนึ่งที่นอกจากจะไปสังสรรค์เฉลิมฉลองกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวแล้ว สิ่งที่แล่นเข้ามาในหัวทุกครั้งเมื่อจะก้าวข้ามปีไปก็คือ “ฉันจะไปไหว้พระเก้าวัด” ช่างฟังดูเป็นประโยคที่ง่ายดายนักเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่ามี”วัดวังงามเรืองรอง” ทุกหัวมุมของถนนคือที่ตั้งของวัดเรียกได้ว่าการไหว้พระเก้าวัดดูจะไม่ใช่เรื่องลำบากนัก หากแต่เราต้องการชมสถาปัตยกรรมของวัดนั้นๆอย่างชื่นชม เดินอย่างไม่เร่งรีบมากเพื่อจะได้เห็นชีวิตของผู้คน และแดดต้องไม่ร้อนมาก(ซึ่งดูจะเป็นเงื่อนไขที่ยากที่สุด) ไม่ใช่สักแต่จะเร่งเพื่อไหว้พระให้เสร็จๆไป
เมื่อตัดสินใจว่าสักครั้งในชีวิตจะต้องไหว้พระ9วัดให้ได้ ไม่ใช่เพราะความศรัทธาอันแรงกล้าอะไรนัก แต่เพราะอยากก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเราและคนรอบข้าง ที่พยายามมาหลายปีแล้วแต่ไม่เคยได้ไหว้พระครบ9วัดเสียที จนทุกคนแทบจะฝังใจไปแล้วว่าไหว้พระเก้าวัดไม่มีทางทำได้หรอก มันเหนื่อยเกินไป
อีกทั้งโอกาสอันเหมาะเพื่อนสาวชาวแอร์โฮสเตทเพิ่งบินถึงดอนเมืองพอดี นางนึกครึ้มอันใดไม่ทราบอยากไหว้พระเก้าวัดเลยชวนผู้เขียนในตอนเช้า ด้วยความที่วันนั้นก็ไม่มีธุระอะไรผู้เขียนเลยตอบตกลง พร้อมทำการเลือกสถานที่เป็นวัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เนื่องจากวัดในบริเวณนั้นสามารถเดินจากหนึ่งวัดไปอีกหนึ่งวัดได้ไม่ไกลนัก
ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่10โมงเช้า เพราะหากไปสายกว่านั้นอาจเข้าได้ไม่ครบทุกวัด เมื่อขึ้นแทกซี่แล้วก็ยังไม่รู้ว่าควรไปลงที่วัดไหนก่อนดังนั้นแล้วขอเลือกวัดที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญและแทกซี่ถึงก่อนวัดไหนๆ นั่นคือวัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่าวัดภูเขาทอง
ถึงวัดภูเขาทองแล้วก็เดินมุ่งตรงไปที่โบสถ์เพื่อไหว้พระประธาน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปไหว้พระที่ยอดภูเขาทอง ตอนก่อนขึ้นก็สองจิตสองใจว่าควรไปวัดอื่นต่อเลยหรือจะขึ้นภูเขาทองดี แต่ก็อย่างว่ามาขนาดนี้แล้วหากไม่ขึ้นไปให้ถึงยอดภูเขาทองการไหว้พระ9วัดก็ดูจะไม่สมบูรณ์ ขึ้นไม่นานนักก็เดินต่อไปที่วัดราชนัดดารามวรวิหารหรืออีกชื่อหนึ่งคือวัดโลหะปราสาท
![]() |
โลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม |
จากนั้นก็เดินไปต่อที่วัดเทพธิดารามซึ่งเป็นวัดโบราณอยู่ติดกับวัดราชนัดดารามแต่ไม่เป็นที่สังเกตของผู้คนนัก เพราะดูแล้วคล้ายจะเป็นวัดเดียวกันแต่จริงๆแล้วคือคนละวัด อีกอย่างเมื่อไปบริเวณนั้นคนก็สนใจที่จะมองร้านผัดไทชื่อดังอย่างผัดไทประตูผีที่อยู่ตรงข้ามวัดเสียมากกว่า
![]() |
วัดเทพธิดารามวรวิหาร |
ไหว้พระมาได้สามวัด ถึงแม้จะอยู่บริเวณใกล้เคียงกันก็ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว ก่อนจะไปไหว้พระที่วัดสุทัศน์ตรงเสาชิงช้า จึงตั้งใจจะเเวะทานมนต์นมสดก่อน แต่ร้านยังไม่เปิดเนื่องจากร้านจะเปิดหลังบ่ายสอง จึงได้เดินย้อนกลับมาทานอาหารที่ร้านโกปี๊อันเลื่องชื่ออีกร้านหนึ่งในย่านนั้น บรรยากาศร้านดูคล้ายร้านกาแฟสมัยก่อนพร้อมทั้งมีอาหารเช้าหลากหลายสไตล์ไว้บริการ
ทั้งข้าวต้มแบบไทย ขนมปังไข่กระทะแบบเวียดนาม รวมไปถึงสเต็กเนื้อต่างๆอย่างตะวันตก
หลังจากอิ่มท้องมีแรงเดินต่อก็มุ่งตรงไปยังวัดสุทัศน์ แดดยามบ่ายช่างแผดเผาเสียนี่กระไรแต่อย่างน้อยก็ยังพอมีลมเย็นๆของฤดูหนาวพัดมาเบาๆให้พอได้ชื่นใจ เดินลัดเลาะข้ามถนนผ่านเสาชิงช้าอันเป็นจุดสังเกตอย่างเห็นได้ชัดว่าขณะนี้เรากำลังอยู่หน้าวัดสุทัศน์แล้ว
ซึ่งทางวัดมีการบูรณะอุโบสถอยู่ ถึงอย่างไรก็ยังเปิดให้คนได้เข้าไปสักการะพระประธานในโบสถ์ได้
ผ่านไป20นาที กำลังวังชาเริ่มกลับมาอีกครั้งจึงเดินทางต่อ มุ่งตรงไปยังถนนข้าวสารที่วันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษด้วยบรรยากาศงานฮาโลวีนจะถูกจัดขึ้นในคืนนั้นนั่นเอง เดินไปจนสุดถนนข้าวสารก็จะเจอกับวัดชนะสงคราม สารภาพเลยว่ามาแถวนี้จนนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสักการะพระในวัดชนะสงครามเสียที แต่ถ้าเป็นสน.ชนะสงครามดูจะคุ้นเคยกันดีนัก
ไหว้พระนานหลายชั่วโมงจนถึงสี่โมงเย็น ตระหนักได้ว่าไปได้เพียง5วัด เหลือเวลาเพียงแค่2ชั่วโมงก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า จึงรีบมุ่งตรงไปยังวัดโพธิ์ มุ่งไปอย่างไรไม่ทราบไปโผล่ที่วัดมหรรณพารามเสียได้ แต่ยังดีอย่างน้อยก็ได้นับเป็นวัดที่6 ออกจากวัดมหรรณพก็เดินมุ่งตรงไปหวังจะเจอวัดโพธิ์ก็กลับวนไปเจอศาลเจ้าพ่อเสือที่คิดเอาไว้ว่าเราผ่านตรงนี้ไปไกลแล้วที่ไหนได้ สุดท้ายก็วนกลับมาเจอที่เก่าอยู่ดี
เดินเลยศาลเจ้าพ่อเสือไปสักหน่อยก็สะดุดตากับร้านลูกชิ้นหมูแพร่งนรา จึงได้หยุดซื้อพร้อมถามทาง เดินไปตามคำแนะนำของคุณแม่ค้าทำให้เราได้เดินผ่านกระทรวงกลาโหมจึงต้องแวะถ่ายรูปอยู่นานหน่อย จนเด็กแถวนั้นคิดไปว่าเราเป็นดารา น้องอาจผิดหวังเล็กน้อยด้วยซ้ำและคงฝังใจไปจนโต ว่า เอ?!! ทำไมดาราไม่สวยเลย
ฟ้าเริ่มจะมืดด้วยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ขณะนั้นเวลาประมาณ5โมงเย็น เดินมาถึงวัดโพธิ์อย่างเหนื่อยหอบ ที่วัดโพธิ์นี้คือจุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกหวังว่าจะมาสักครั้งหากได้เที่ยวเมืองไทย ด้วยองค์พระนอนที่ใหญ่โตตระการตานัก นักท่องเที่ยวอยากมาชมก็ไม่แปลกใจอันใด ขนาดคนไทยเองยังทึ่งว่าบรรพบุรุษของเราสร้างได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
![]() |
พระพุทธไสยาส(พระนอนวัดโพธิ์) |
อีก2วัดที่เหลือต้องนั่งเรือข้ามฟากไปทางฝั่งธน โดยขึ้นเรือที่ท่าเตียนลงท่าเรือวัดอรุณ บริเวณวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ คนไทยแทบจะไม่มีให้เห็น ก่อนอื่นก็ต้องเข้าไปไหว้พระที่โบสถ์น้อย ในนั้นเองจะมีพระแท่นบรรทมของสมเด็จพระเจ้าตากสินอยู่ หากใครได้ลอดแท่นบรรทมนั้นว่ากันว่าจะหมดทุกข์ภัย แล้วมีหรือที่ตัวผู้เขียนกับเพื่อนสาวจะไม่ลอด ต้องยอมรับจริงๆว่าพระแท่นสูงจากหัวไม่มากนัก ระหว่างที่คลานไปก็หัวเราะกันไป นี่เรากำลังทำอะไรกัน?!?!
![]() |
ทิวทัศน์ฝั่งพระนครเมื่อมองจากบนพระปรางค์วัดอรุณฯ |
ไฮไลท์เด็ดของวัดอรุณหรือเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของวันนี้เลยก็ว่าได้ คือการขึ้นมาถ่ายรูปบนพระปรางค์ ทิวทัศน์ที่มองจากข้างบนพระปรางค์ช่างสวยงามเหลือเกิน ภาพแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านพระนคร ดูแล้วช่างงามตาเหมือนหลุดมาในหนังเรื่องทวิภพเวอร์ชั่นปี2547ก็มิปาน
พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ฟ้าเริ่มสลัวเข้ามาแล้ว ภารกิจไหว้พระเก้าวัดจะมาล่มในวัดที่9ไม่ได้เด็ดขาด เห็นเป็นเช่นนั้นแล้วจึงใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กไปวัดที่ใกล้ที่สุดตรงนั้นคือวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ไปถึงวัด พระท่านเพิ่งทำวัตรเย็นเสร็จพอดี ดังนั้นเลยรีบรี่เข้าไปไหว้พระ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ภารกิจไหว้พระเก้าวัด ที่ต่อไปนี้จะไม่ใช่เรื่องขายฝันอีกต่อไป เพราะผู้เขียนทำสำเร็จแล้ว คุณผู้อ่านล่ะคะ สนใจเอาชนะคำท้าทายนี้ไหมถ้าสนใจ วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้เริ่มเลย แล้วการไหว้พระเก้าวัดจะไม่ดูยากเย็นอีกต่อไป
Tips:
1.ควรแต่งกายให้มิดชิดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ไม่ใช่เพื่อประเพณีดีงามหรืออะไร แต่เพื่อผิวเราจะได้ไม่ไหม้แดดตั้งแต่วัดแรก
2.ทาครีมกันแดดSPF30 PA+++อย่างเพียงพอ
3.ใส่รองเท้าที่ถอด,ใส่ได้สะดวก
4.พกหมวกหรือร่มไปด้วย
5.ไม่ต้องเร่งรีบมากนักในการไหว้แต่ละวัด
6.ห้ามถอดใจก่อนจะไปครบ9วัด!!!
Comments
Post a Comment