ครีมกันแดดแบบไหนเหมาะกับผิวประเภทใด เลือกใช้ให้ดีผิวสวยแน่นอน
ครีมกันแดดนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าบางท่านอาจจะไม่กลัวผิวเสียหรือริ้วรอยเหี่ยวย่นจากแสงแดด แต่การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้
สาเหตุเพราะประเทศไทยตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร ซึ่งค่าเฉลี่ยรังสียูวีในประเทศแถบนี้สูงในระดับอันตรายต่อผิวหนัง เทียบได้จากตารางแสดงระดับความรุนแรงของรังสียูวี โดยองค์การอนามัยโลก
แสงแดดในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีแดดแรงหรือฝนตกเมฆมากก็ตาม ค่ายูวีเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ7-12 จากตารางข้างต้น ระดับ7ขึ้นไปคือสีส้มถือว่าเป็นระดับสูง(Hight) การทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วง10.00น.-16.00น. ด้วยค่ายูวีระดับนี้เพียง10นาที โดยไม่มีการป้องกันแสงแดดด้วยเสื้อผ้าหรือครีมกันแดดก็ทำให้ผิวคล้ำลงได้แล้ว
ดังนั้นการทาครีมกันแดดอย่างน้อย SPF15 และมี PA+++ จึงจำเป็นอย่างยิ่งหากต้องการมีผิวสวยและป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง แต่ใช่ว่าค่า SPFสูงๆจะปกป้องแสงแดดได้ดีกว่าค่าSPFต่ำ เพราะค่าSPF15สามารถดูดซับรังสียูวีบีได้ 93% ขณะที่ SPF34 ดูดซับรังสียูวีบีได้ 97% สังเกตได้ว่าเปอร์เซนต์ความต่างของการดูดซับรังสียูวีบีแทบไม่ต่างกันนัก ทำให้การใช้ครีมกันแดดSPF15 ก็เพียงพอแล้ว
ผลลัพธ์ของการใช้ครีมกันแดดในแง่ความสวยงามคือการป้องกันผิวคล้ำเสียจากแสงแดด อันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่ครีมกันแดดนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ อีกทั้งเนื้อครีมก็ต่างกันมาก จะเลือกใช้อย่างไรให้เข้ากับสีผิว หรือจะเลือกใช้อย่างไรให้ไม่เกิดสิว หาคำตอบได้ในบทความนี้ (แต่หากใครอยากรู้เคล็ดลับสู่การมีผิวขาวกระจ่างใส สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 5ขั้นตอนสู่ผิวขาวใสภายใน3เดือน ทำได้ง่ายๆด้วยตัวคุณเอง)
1.ครีมกันแดดชนิดGel Base และ Water Base เหมาะสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย หรือผู้ที่ต้องการกันแดดที่ไม่มีสี เพราะสีในครีมกันแดดอาจเปลี่ยนแปลงสีรองพื้นที่ใช้อยู่ได้ โดยครีมกันแดดชนิดนี้เมื่อทาลงไปแล้วแทบจะกลืนเนียนไปกับผิวจนเหมือนไม่ได้ทาแต่ประสิทธิภาพในการป้องกันและดูดซับรังสียูวีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าครีมกันแดดชนิดอื่น ต่างกันแค่Baseของครีมเท่านั้นเอง
![]() |
Biore UV aqua rich watery essence SPF50+ PA++++ |
2.ครีมกันแดดชนิดสะท้อนรังสียูวี กันแดดประเภทนี้จะมีส่วนประกอบของ ซิงก์ ออกไซด์(zinc oxide) ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) และแมกนีเซียม ออกไซด์ (magnesium oxide) ครีมกันแดดชนิดอื่นจะทำงานโดยการดูดซับรังสียูวี แต่ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารข้างต้นจะทำงานโดยการสะท้อนรังสียูวีออกไป จึงไม่ค่อยมีอาการแพ้หรือระคายเคืองมากนักเหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย อย่างไรก็ตามข้อเสียของกันแดดชนิดนี้คือมีเนื้อครีมสีขาว ขาวมากขาวน้อยแล้วแต่ผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์จะผลิตออกมา ซึ่งอาจทำให้ยุ่งยากเล็กน้อยเมื่อต้องแต่งหน้า เพราะสีรองพื้นอาจผิดเพี้ยนได้
![]() |
Smooth E Physical white Baby face uv expert SPF50+ PA+++ |
3.ครีมกันแดดผสมรองพื้น สำหรับใครที่ไม่มีเวลามากนักแล้วยังรักสวยรักงามอยู่ การใช้ครีมกันแดดผสมรองพื้นนับได้ว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะได้ทั้งการกันแดดและปรับสีผิวให้เรียบเนียนในเวลาเดียวกัน เพียงลงครีมกันแดดแล้วตามด้วยแป้งฝุ่น หรือข้ามขั้นตอนการลงแป้งฝุ่นไปก็จะได้ลุคดิวอี้ มีผิวฉ่ำน้ำ แต่อาจจะต้องหาเนื้อสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวของเราเหมือนกับการเลือกเฉดสีรองพื้นปกตินั่นเอง
![]() |
Minus sun Facial Sun Protection Silky Smooth cream SPF40 PA+++ |
ทั้งนี้ขอให้จำให้ขึ้นใจในหลักการใช้ครีมกันแดดคือ
-ค่าSPF15 ขึ้นไป แต่ไม่ต้องเกิน SPF50 เพราะมากกว่านั้นก็ไม่มีประโยช์กว่ากันนัก โดยSPFมีไว้เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีบี
-PA+++ เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ
-ควรใช้กันแดดที่กันเหงื่อกันน้ำ
-ทากันแดดซ้ำทุกๆ2ชั่วโมง
ที่สำคัญหากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหลังเวลา10.00น-16.00น.ควรสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดได้และทาครีมกันแดดอย่างเพียงพอ เท่านี้ผิวสวยๆก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
Comments
Post a Comment